“ถ้าไม่รีบไปนักเราอยากขอให้คุณพักต่ออีกสักนิด ลองมาอินไปกับบรรยากาศ อาหารพื้นเมือง และงานคราฟต์ฝีมือชาวชุมชนที่เชียงดาวด้วยกันก่อนดีไหม?”
ถ้าพูดถึงสถานที่ท่องเที่ยวใน ‘เชียงใหม่’ ทุกคนคงนึกออกกันได้ทันทีทันใดมากมายจนพูดไปทั้งวันก็ยังไม่หมด แต่ถ้าพูดถึง ‘เชียงดาว’ ล่ะ คุณจะนึกถึงอะไร ใช่ ‘ดอยหลวงเชียงดาว’ รึเปล่า?
แล้วนอกจากดอยหลวงที่ทุกคนคุ้นเคยกันดี คุณยังนึกอะไรออกอีกไหม ถ้าไม่ ก็ไม่เป็นไร…
เพราะดอยหลวงเชียงดาวถือเป็นจุดหมายหลักๆ ของนักเดินทางที่อยากมาเดินป่า สำรวจเขา ดูวิวหมอก นอนค้างโฮมสเตย์บนดอยสักคืนแล้วค่อยขับรถกลับเชียงใหม่ ที่ใครๆก็อยากลองทำดูสักครั้ง
แต่เชียงดาวไม่ได้มีแค่ดอยนะ! ถ้ายังไม่รีบกลับเราอยากชวนคุณมาจอดรถริมเชิงดอย แล้วอินเชียงดาวไปพร้อมๆ กับเรา เพราะรอบเชียงดาวเต็มไปด้วยชุมชนเล็กน่ารัก วิถีชีวิต อาหารพื้นบ้าน บ่อน้ำร้อน งานคราฟต์จากสีธรรมชาติ และป่าชุมชนที่เต็มไปด้วยสมุนไพรรอให้เก็บมาใช้ทำอาหาร ไปด้วยกัน และทั้งหมดนี้คือสิ่งที่คุณจะได้เจอ จะได้อินจากชุมชนทั้ง 5 แห่ง ล้อมรอบเชิงดอยหลวงเชียงดาว
ถึงตอนนี้จะยังเที่ยวไม่ได้ แต่ถ้าสถานการณ์ของโรคระบาดดีขึ้นเมื่อไหร่ คงจะดีไม่น้อยถ้าเราได้ลองใช้ชีวิตให้ช้าลง และสัมผัสความยิ่งใหญ่ของดอยหลวงเคียงคู่เถียงนา มองพระอาทิตย์ตกลับขอบฟ้าในตอนเย็น ใกล้ชิดกับเชียงดาวให้มากขึ้นในมุมมองใหม่ที่เรารับรองว่าคุณจะไม่เสียดายเวลาที่ตั้งใจมาที่นี่แน่นอน 🙂
รู้จักป่า รู้จักคนดูแลป่า ที่ “ชุมชนบ้านหัวทุ่ง”
ชุมชนที่ “ป่า” และ “คน” เป็นหนึ่งกันเดียวกันตลอดมา เพราะ “ป่า” เป็นทั้งอาชีพ ชีวิต และจิตใจของชาวชุมชน การดูแลรักษาป่าจึงเป็นสิ่งที่ผูกพันธ์กับวิถีชีวิตของพวกเขาในทุกลมหายใจ ดังนั้นเมื่อเราเท้าก้าวเข้ามาในบ้านหัวทุ่ง ที่นี่จึงเป็นชุมชนที่ทำให้เรารู้สึกได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติมากกว่าที่คิด เพราะที่นี่เต็มไปด้วยพืชพรรณนานาชนิด ที่ไม่เพียงให้เราได้เดินสำรวจ แต่เราจะได้เข้าไปทำความรู้จักกับวิธีคิดที่คนในชุมชนยึดถือในการ “ดูแลป่า” มาตลอด
ไม่ว่าจะเป็นการกำหนดเขต “ป่าชุมชน” ร่วมกัน เพื่อให้ชาวบ้านสามารถเก็บหาของป่าโดยแต่ไม่มีการตัดไม้ทำลายป่า, การทำเสวียนไม้ไผ่ล้อมต้นไม้ใหญ่เพื่อให้ใบไม้ร่วงลงมารวมกันกลายเป็นปุ๋ย, การดูแลและตัดแต่งต้นไผ่ในป่าอย่างสม่ำเสมอเพื่อป้องกันการติดไฟ, การทำแนวกันไฟ, การทำฝายชะลอน้ำ, การรวมกลุ่มดับไฟป่าที่เกิดขึ้นรอบหมู่บ้านในทุกช่วงหน้าร้อนของปี ไปจนถึงประเพณีอย่าง “การบวชป่า” และ “พิธีเลี้ยงผีต้นน้ำ” ที่ก็ยังคงเกี่ยวข้องกับการดูแลธรรมชาติไม่ต่างกัน
ลองไหม ลองมาเดินเก็บสมุนไพรในป่าโดยมีแม่ๆเป็นคนนำทาง ชมพระอาทิตย์ทิตย์ตกลับขอบดอยหลวงเชียงดาวที่หลังหมู่บ้าน แล้วกลับมากินข้าวเย็นที่ปรุงจากวัตถุดิบที่หาได้รอบครัวเรือน พร้อมชมการแสดงของเด็กน้อยที่อยู่ในชุมชนไปด้วยกัน
รู้จักงานคราฟต์สีพาสเทลจากป่าที่ “ชุมชนบ้านปางแดงใน”
วัฒนธรรมการแต่งกายแบบ ‘ชาวดาราอั้ง’ หรือ “ชาวปะหล่อง” ชนเผ่าที่อพยพมาจากพม่าและปัจจุบันได้ตั้งรกรากอยู่ที่ชุมชนบ้านปางแดงใน เชิงดอยหลวงเชียงดาว เป็นสิ่งที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและสังเกตเห็นได้ง่ายจากเสื้อป้าที่มีสีสันหลากหลายของทุกคนในชุมชน โดยนอกจากจะผลิตขึ้นเพื่อใส่เป็นเครื่องแต่งกายแล้ว อาชีพหลักของชาวดาราอั้งก็ยังมีการย้อม ทอ เย็บและปักผ้าเป็นหนึ่งรายได้สำคัญของทุกคน
ผ้าทอของที่นี่มีสีที่ไม่ฉูดฉาด แต่ออกโทนสีพาสเทลเพราะผลิตด้วยวัตถุดิบจากธรรมชาติรอบๆ พื้นที่เป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นไม้ประดู่ ใบแห้ว เพกา เป็นต้น นอกจากนี้แม่ๆ ในชุมชนยังมีสายตาสุดพิเศษเพราะช่างเลือกคู่สีในการทอผลิตภัณฑ์แต่ละชนิดได้ทั้งลงตัวและน่ารักจนใจละลาย
ถ้าไม่ได้รีบไปไหนเราแนะนำให้ลองอยู่ที่นี่ต่อสักวันสองวัน ลองเข้าคอร์สเรียนย้อมผ้าด้วยวัตถุดิบธรรมชาติกับแม่ๆ สักครั้ง รับรองว่าจะอยากอยู่ที่นี่ยาวๆไปตลอดทั้งชีวิต
ติดตามผลิตภัณฑ์ของชุมชนได้ที่ Facebook: หัตถกรรมหลังเขา ชนเผ่าดาราอั้ง Dara-Ang’s Handicraft
นอกจากการทอผ้าแล้ว เพราะพื้นที่รอบชุมชนบ้านปางแดงใน เต็มไปด้วยไม้สักจำนวนมากซึ่งถูกปลูกเรียงรายจนกลายเป็นป่าสักที่สำคัญแห่งหนึ่ง ยิ่งหลังจากการฟื้นฟูความอุดมสมบูรณ์ของดินด้วยหญ้าแฝก ก็ยิ่งทำให้ปลูกอะไรก็ขึ้นได้ง่ายมากกว่าแต่ก่อน ปลูกหวายก็ได้ ปลูกเมลอนก็ได้ อีกอาชีพหนึ่งที่คนในชุมชนทำจึงเป็นการปลูกผลไม้และต้นไม้เศรษฐกิจชนิดต่างๆ อย่างโรงเรือนเลี้ยงเมลอนนี่ก็มีให้ชิมกันสดกว่าสิบโรงเรือนเลยนะ
สัมผัสศิลปะจากธรรมชาติในถ้ำเชียงดาว และเลือกซื้อสมุนไพรจาก “ชุมชนบ้านถ้ำเชียงดาว”
เราดูศิลปะที่เกิดขึ้นจากคนมามากแล้ว คราวนี้มาชมศิลปะฝีมือ ‘ธรรมชาติ’ กันบ้าง
ถ้ำเชียงดาวเป็นที่ตั้งของชุมชนบ้านถ้ำเชียงดาว และเป็นแหล่งกำเนิดของถ้ำหินปูนขนาดใหญ่บนดอยหลวงเชียงดาว ที่เต็มไปด้วยความลึกลับและสวยงามของหินงอกหินย้อยที่เกิดขึ้นจากการกัดเซาะของธรรมชาติ ซึ่งซ่อนอยู่อยู่ในซอกหลืบต่างๆภายในถ้ำ ที่หากลองส่องไฟเข้าไปก็จะเห็นความงามจากแสงที่กระทบหินเป็นประกายระยิบระยับ
ถ้ำเชียงดาวเป็นสถานที่ที่เหล่านัก(อยาก)สำรวจแวะเวียนมาอยู่ตลอด เพราะเป็นถ้ำที่ทั้งใหญ่ทั้งลึกจนท้าทายต่อมนักผจญภัยแบบสุดๆ โดยถ้าอยากเดินจนสุดทางคงต้องใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมงเลยแหละจนกว่าจะสำรวจครบทุกโถง!
ปัจจุบันถ้ำเชียงดาวจัดอยู่ในการดูแลของ ‘วัดถ้ำเชียงดาว’ และกลายเป็นสถานที่ให้ผู้คนได้เข้ามาท่องเที่ยวทางศาสนา มาตามรอยตำนานเจ้าหลวงคำแดง เดินศึกษาพิพิธภัณฑ์ของเก่า หรือมาชมการสานก๋วยพื้นบ้านก็ยังได้ ที่สำคัญคือบริเวณหน้าวัดมีร้านค้าชาวบ้านที่ขายสมุนไพรนานาชนิด ที่เข้าป่าไปเก็บกันมาเองให้เราได้แวะอุดหนุนอีกด้วย ถ้าไม่รู้จักสรรพคุณต่างๆ ก็ไม่เป็นไร เพราะชาวบ้านถ้ำยินดีที่จะแนะนำเราฟังเสมอ
ละทิ้งความเมื่อยล้า แล้วมาผ่อนคลายในบ่อน้ำร้อนที่ “ชุมชนบ้านยางปู่โต๊ะ”
ออกจากถ้ำแล้วน่าจะเมื่อยกันน่าดู ถ้าใครอยากหาพื้นที่ผ่อนคลายจากไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยวหรือขับรถยาวๆมาเชียงดาว เราอยากแนะนำคุณให้ไปแช่เท้าที่บ่อน้ำร้อนบ้านยางปู่โต๊ะ ที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติและอยู่ติดกับลำห้วยแม่ก๊ะ ปัจจุบันได้สร้างบ่อปูนซีเมนต์ล้อมรอบน้ำร้อนเพื่อง่ายต่อการแช่เท้าหรือแช่ตัวผ่อนคลาย โดยสามารถเลือกแช่ได้ตามระดับอุณหภูมิที่แตกต่างกันของแต่ละบ่อและไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ แถมถ้าอยากแช่แบบส่วนตัวสามารถเลือกใช้บริการบ่อด้านในได้ โดยมีค่าบริการคนละ 50 บาทต่อชั่วโมงเท่านั้นเอง
นอกจากนี้ที่ตั้งของบ่อน้ำร้อนก็ยังอยู่ไม่ใกล้จากถ้ำเชียงดาวมากนัก สามารถเลือกใช้เส้นทางที่จะไปสถานีวิจัยสัตว์ป่าดอยเชียงดาว ไม่ถึงสิบนาทีก็ถึงแล้ว เมื่อมาถึงเราจะมองเห็นต้นจามจุรีขนาดใหญ่จนน่าทึ่งตั้งอยู่หลายต้น ถ้าเดินลงไปแล้วหันกลับมาถ่ายให้เพื่อนที่ยืนอยู่ข้างบนก็จะได้ภาพคู่ต้นจามจุรีที่หาไม่ได้ที่ไหนด้วยนะ
เลือกซื้อกระเป๋าที่ระลึกจาก “ชุมชนบ้านโรงวัว”
ถ้ายังไม่มีของฝากติดไม้ติดมือกลับบ้าน คุณสามารถแวะซื้อของที่ระลึกจากชุมชนบ้านโรงวัวกลับไปได้ เพราะที่นี่ได้ออกแบบกระเป๋าทรงต่างๆจากเศษผ้าแต่ละชนิด นำมาเย็บเป็นกระเป๋าใส่เศษเงิน กระเป๋าเป้ หรือแม้แต่กระเป๋าสะพาย ซึ่งมีหลากหลายสีสันขึ้นอยู่กับการจับกลุ่มผ้าแต่ละชนิดและช่วยเพิ่มความน่ารักให้กระเป๋าแต่ละใบได้มากขึ้น
เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ คุณคงได้เห็นแล้วว่าเชียงดาวมีสิ่งที่น่าสนใจที่ไม่ใช่ดอยหลวงใช่ไหมล่ะ ระยะทางจาก(เมือง)เชียงใหม่มาถึงเชียงดาวห่างกันราวๆ 70 กิโลเมตร ใช้เวลาขับรถประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง คงไม่นานเกินไปหรอก เพราะตลอดทางคุณจะได้ขับรถชมบรรยากาศตามแนวเขาในเชียงใหม่เพลินๆ แปปเดียวก็ถึงเชียงดาว
ถึงตอนนี้จะยังเที่ยวไม่ได้ แต่ถ้าสถานการณ์ของโรคระบาดดีขึ้นเมื่อไหร่ ทริปหน้า ลองมาอินเชียงดาวด้วยการให้ชุมชนรอบเชียงดาวเป็นจุดหมายปลายทางของคุณกันไหม?
Contributors
สโรชา เอิบโชคชัย
Writerนัก(อยาก)เขียนที่ชอบท่องโลกกว้างผ่านความจริงและตัวหนังสือ
สโรชา เอิบโชคชัย
Photographerนัก(อยาก)เขียนที่ชอบท่องโลกกว้างผ่านความจริงและตัวหนังสือ