Taipei Bike Day เมื่อเส้นทางจักรยานเชื่อม
เมืองเก่า แม่น้ำ ป่าชายเลน วัดและสวน
สาธารณะ เอาไว้ให้ไม่ไกลเกินปั่น
บางคนบอกว่าไทเปเป็นเมือง Street Food ที่โดดเด่นด้วย Night Market บางคนบอกว่าไทเปเป็นเมืองที่มีดีแค่เพราะมีวัดที่ไปขอแฟนได้ บางคนบอกว่าไทเปเป็นเหมือนญี่ปุ่นน้อยที่ไม่เห็นจะมีอะไรน่าสนใจ ไปครั้งเดียวก็เบื่อ
แต่สำหรับเรา ‘ไทเป’ เป็นเมืองที่ไปแล้ว ทำให้อยากอยู่อาศัยไปตลอดชีวิตเพราะนอกจากจะมีคุณภาพชีวิตดีๆ ในค่าครองชีพเท่าเมืองไทย ยังเต็มไปด้วยทั้งความน่ารักและเทคโนโลยีอย่างพอดิบพอดี มีพื้นที่สำหรับคนทำงานสร้างสรรค์ ต้นไม้ และพื้นที่สาธารณะมากมายใกล้ตัว
และอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เรารักไทเป ก็คือการเป็นเมือง Bicycle Friendly ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงการใช้งานจักรยานได้ในราคาถูก ง่าย สะดวกและปลอดภัย จนไม่ว่าจะคนแก่ เด็ก หรือผู้ใหญ่ ก็เลือกจักรยานคู่ใจมาขี่ไปทุกที่ วันนี้เราจึงตั้งใจอยากใช้ ‘จักรยาน’ เป็นพาหนะหลักในการสำรวจไทเป
และ Tamsui Golden Shore Bike Path หรือเส้นทางปั่นจักรยานริมแม่น้ำซึ่งตั้งอยู่กลางไทเปและทุกคนสามารถเข้าถึงได้ด้วยการนั่ง MRT เพียงไม่กี่ป้าย แต่สามารถพาเราเดินทางผ่านเมืองใหม่ เมืองเก่า วัด สวนสาธารณะ และป่าชายเลน ได้ภายในเส้นทางเดียว ก็คือจุดมุ่งหมายในการปั่นจักรยานของเราวันนี้
ตามไปเดินทางข้ามเมืองบนหลังจักรยานในระยะทาง 20 กิโลเมตร แล้วมองทิวทัศน์ริมทางไปพร้อมกันได้เลย
1
Tamsui Golden Shore Bike Path เป็นเส้นทางปั่นจักรยานเลียบแม่น้ำ Tamsui ซึ่งเร่ิมต้นที่ย่าน Guandu เรื่อยไปจนถึงย่าน Tamsui เป็นระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร โดยสาเหตุที่ได้คำว่า Golden Shore มาประดับอยู่ในชื่อนั้นก็มีที่มาจากแสงอาทิตย์ที่สะท้อนกับน้ำและเปลี่ยนให้ชายฝั่งกลายเป็นสีเหลืองทอง
นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นเส้นทางจักรยานที่ถูกโหวตให้เป็นเส้นทางจักรยานที่คนไต้หวันชื่นชอบมากที่สุด ดังนั้นวันนี้ เราจึงได้พบกับทั้งผู้ชาย ผู้หญิง ผู้ใหญ่วัยทำงาน กลุ่มเพื่อนมัธยม นักท่องเที่ยว นักปั่นสายแข็งพร้อมอุปกรณ์ครบมือ เด็กตัวเล็กๆ ที่มาพร้อมจักรยาน 4 ล้อ ไปจนถึงคุณลุงคุณป้าในจักรยานแม่บ้าน ที่มาปั่นเป็นเพื่อนเราไปตลอดทาง
2
ถึงแม้ว่า Tamsui Golden Shore Bike Path จะมีเส้นทางยาวถึง 10 กิโลเมตร แต่เราจะไม่ไปเริ่มต้นที่ Guandu เหมือนชาวบ้านเค้า เพราะในช่วงเช้า เรามีแพลนที่จะแวะไปเดินเล่นในย่านการค้าเก่าอย่าง Dadaocheng ซึ่งตั้งอยู่เลยออกไปก่อน ดังนั้นเราจึงจะเริ่มปั่นตั้งแต่ ท่าเรือ Dadaocheng ยาวไปจนถึง Tamsui รวมเป็นระยะทาง 20 กิโลเมตรกันไปเลย!
(ใครอยากตามรอยมาขี่ยาวๆ แบบเรา ขอเตือนก่อนว่าเราใช้เวลาทั้งขับ ทั้งพัก ทั้งแวะถ่ายรูป ไปประมาณ 4-5 ชั่วโมงเลยทีเดียว อย่าลืมเลือกเส้นทางให้เหมาะสมกับเวลาและพละกำลังที่มีนะ!)
3
เราเริ่มต้นด้วยการนั่ง MRT มาลงที่สถานี Daqiaotou แล้วเดินชมเมืองเรื่อยมาจนถึง Dadaocheng
Dadaocheng หรือ ต้าเต้าเฉิง เป็นย่านการค้าที่สำคัญและเก่าแก่เป็นอันดับต้นๆ ของไทเปมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 โดยมีถนน Dihua ถนนที่เก่าแก่ที่สุดในไทเปซึ่งบางส่วนถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1624–1661 ในขณะที่ไต้หวันถูกปกครองโดยดัตช์ เป็นจุดศูนย์กลาง ก่อนจะถูกสร้างจนแล้วเสร็จในปี 1850
เมื่อ Dadaocheng เป็นเมืองท่าที่ติดกับแม่น้ำtamsui ซึ่งเชื่อมต่อกับทะเล ในยุคที่การค้าทางทะเลเฟื่องฟู Dadaocheng ก็เจริญเติบโตไม่ต่างกัน ตึกส่วนใหญ่บนถนน Dihua ซึ่งส่วนใหญ่เป็นร้านขายสินค้า จึงเป็นการผสมผสานระหว่างศิลปะยุโรปในยุคศตวรรษที่ 18 กับงานสถาปัตยกรรมแบบจีนที่สวยงาม เรียกได้ว่ายังคงเก็บบรรยากาศของยุคสมัยที่การค้าทางทะเลในไต้หวันรุ่งเรืองสุดขีดเอาไว้ให้เราได้กลับมาเดินดูกันอีกครั้ง
4
ปัจจุบันนอกจากที่นี่จะยังคงมีของดีไต้หวันอย่างสมุนไพร อาหารแห้ง ชา ผ้าไหม ยาจีน เครื่องเซรามิก ฯลฯ เมื่อเดินเข้าไปสอดส่องตามตรอกซอกซอยเล็กๆ ของถนน Dihua เราจะพบว่าที่นี่ไม่ได้มีแต่อะไรเก่าๆ เท่านั้น เพราะที่นี่ยังมีทั้งโรงละคร ร้านหนังสือ คาเฟ่เล็กๆ และช็อปของศิลปินอิสระหลากหลายแขนง ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า งานไม้แกะสลัก งานพิมพ์ผ้า กระเป๋าหนังทำมือ ฯลฯ แอบซ่อนอยู่ด้วย
5
เมื่อเดินเล่นใน Dadaocheng จนพอใจ ก็ได้เวลาไปขี่จักรยานกันแล้ว!
โดยจักรยานที่เราเลือกใช้ในวันนี้ก็คือ ‘Youbike’ ระบบ Bike Sharing ที่มีอยู่ทั่วไทเป ซึ่งใช้งานได้จริงทั้งกับคนไต้หวันเองและชาวต่างชาติ จนเราไม่แปลกใจสักนิดที่คนไต้หวันจะเลือกใช้บริการสิ่งนี้แทนรถยนต์กันอย่างล้นหลามเพราะมันทั้งถูก สะดวก และง่ายแบบสุดๆ โดยสถานี Youbike ที่ใกล้เรามากที่สุดก็ตั้งอยู่ข้างๆ Dadaocheng Theater นี่เอง
โดยราคาก็สบายกระเป๋ายิ่งกว่าร้านเช่าจักรยานทั่วไปซะอีก คือ
- 30 นาที = 10NT (หรือประมาณ 10 บาทไทย) สำหรับ 4 ชั่วโมงแรก
- 30 นาที = 20NT (20 บาท) สำหรับชั่วโมงที่ 4-8
- 30 นาที = 40NT (40 บาท) สำหรับชั่วโมงที่ 8 ขึ้นไป
6
สิ่งทำให้เราชอบ Youbike แบบสุดๆ ก็คือการมี Station ตั้งอยู่มากมายถึง 200 จุดทั่วเมือง พร้อมจักรยานเกือบ 6000 คัน คือมีอยู่ทุกหัวมุมถนนจนไม่ต้องกังวลเลยว่าจะยืมหรือจะคืนได้ที่ไหนบ้าง แถมยังสามารถเข้าเว็บไปเช็ค Location และสถานะของสถานีในเว็บไซต์ได้ตลอดเวลา ว่ามีจักรยานว่างไหม หรือหากไม่มี เราสามารถไปใช้บริการสถานีไหนแทนได้บ้าง
เข้าไปเช็คสถานะของสถานีที่ว่างได้ที่นี่เลย (แต่ส่วนใหญ่เข้าไปก็จะเจอกับสีเขียวอร่ามแบบนี้ตลอดนั่นแหละ)
https://taipei.youbike.com.tw/station/map?5cc29585083e7b5c1b035552
7
อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้คนต่างชาติที่สื่อสารภาษาจีนไม่ได้ (แถมยังเป็นอินโทรเวิร์ท!) อย่างเราเลือกใช้ Youbike ก็คือ การลงทะเบียน การยืม การคืน และการจ่ายเงิน สามารถทำได้ด้วยตัวเองที่ตู้ Kiosk ในสถานีทั้งหมด โดยไม่ต้องติดต่อสื่อสารกับมนุษย์แม้แต่คนเดียวให้วุ่นวายใจ
ทำได้ง่ายๆ เพียงแค่ผูกเบอร์โทรศัพท์ซิมไต้หวันที่เราซื้อมาใช้เล่นอินเตอร์เน็ต เข้ากับบัตร EasyCard ที่ตู้ Kiosk เพื่อลงทะเบียน ก็สามารถแตะบัตรแล้วหิ้วจักรยานไปปั่นเที่ยวเล่นที่ไหนต่อไหนได้ทันที หรือถ้าใครไม่ได้ซื้อซิมไต้หวัน ก็สามารถลงทะเบียนด้วยการผูกกับบัตรเครดิตแทนได้เหมือนกัน (1 บัตร และ 1 เบอร์ ต่อ 1 คัน) พูดง่ายๆ ว่าทุกขั้นตอนยากลำบากที่ต้องเจอในประเทศอื่นๆ Youbike เล่นแก้ปัญหาซะหมดเกลี้ยง
แนะนำว่าก่อนจะแตะบัตรเพื่อรับน้องคนไหนไปใช้ก็อย่าลืมเช็คสภาพรถให้ดีๆ ทั้งยางลม เบรก และเบาะ
โดยเบาะของจักรยานที่ถูกหมุนไปด้านหลังเป็นเหมือนสัญญาณที่ผู้ใช้ทำไว้เพื่อบอกเจ้าหน้าที่ว่าจักรยานคันนั้นอาจมีปัญหา เพื่อให้เจ้าหน้าที่มาตรวจสอบได้ถูกต้องนั่นเอง
8
พอได้จักรยานแล้วก็ออกเดินทางกันเลย
จุดเริ่มต้นของเราอยู่ที่ Dadaocheng wharf โดยจากสถานี Youbike ที่เราเลือกเช่าซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับ Dadaocheng Theater ปลายถนน Dihua เราสามารถขับย้อนกลับมาตามถนน Dihua แล้วเลี้ยวซ้ายมุ่งหน้าสู่แม่น้ำได้ทันที ขับในเมืองแล้วรอติดไฟแดงไม่ไกล เราก็จะเข้าสู่เส้นทางจักรยานริมแม่น้ำที่นักปั่นทั้งมือเก่ามือใหม่สามารถปั่นได้สบายใจแบบไม่ต้องกลัวรถกันแล้ว
9
เราเริ่มปั่นตั้งแต่บ่ายอ่อนๆ แดดเลยส่องเปรี้ยงๆ ลงกลางหัว ใครอยากปั่นยาวๆ 20 กิโลแบบเรา ขอให้เตรียมหมวกและน้ำเปล่ามาให้ดีๆ เพราะระยะทาง 10 กิโลแรกก่อนเข้าสู่ Tamsui Golden Shore Bike Path จะไม่คึกคักเหมือนแถว Tamsui แต่เงียบสงบและแทบจะมีแค่เรา แม่น้ำ และจักรยานเท่านั้นที่เป็นเพื่อนร่วมทาง
10
ถึงจะบอกว่าไม่คึกคักและฮอตฮิตเท่า แต่ตลอดทางก็มีตู้กดน้ำและจุดพักรถให้เราแวะนั่งพักชมวิวอยู่ตลอด ไม่ต้องว่าจะเวิ้งว้างว่างเปล่าแน่นอน
11
ศาลเจ้าเล็กๆ ที่รอต้อนรับเราอยู่ระหว่างทาง
12
สะพานฉงหยาง (Chongyang Bridge) สะพานสีขาวเก่าแก่ที่สร้างตั้งแต่ปี 1986 ก็เป็นอีกหนึ่งทิวทัศน์ที่ทักทายเราระหว่างทาง
13
เพื่อนร่วมทางในชุดเต็มยศดูทะมัดทะแมงจนแอบอิจฉาที่มีเส้นทางจักรยานใกล้บ้านให้หิ้วจักรยานออกมาขี่ออกกำลังกายได้ง่ายๆ แทบทุกวันแบบนี้
14
เมื่อเริ่มออกจากโซนเมืองใหญ่ จากอาคารที่ตั้งขนานกับแม่น้ำข้างกายก็เริ่มกลายมาเป็นต้นไม้และโรงนา
15
ขี่จักรยานเลียบชายฝั่งสีเขียวในอากาศดีๆ แบบนี้ ทำอยากแทบอยากจอดจักรยานลงไปนอนกลิ้งๆ กับพื้นหญ้าให้หายเหนื่อย
16
เมื่อขี่เลียบแม่น้ำ Tamsui มาเรื่อยๆ จนตัดแม่น้ำ Keelung เส้นทางจะบังคับให้เราเลี้ยวขวาเข้าไปขี่เลียบแม่น้ำ Keelung แทนเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ ก่อนจะข้ามสะพาน Lixian สีขาวสะอาดเพื่อกลับมาสู่เส้นทางเดิม
17
สารภาพว่าขี่มาจนถึงตอนนี้ (น่าจะเกือบๆ 10 กิโล) ก็คือเหนื่อยมากจนแอบนั่งๆ นอนๆ ตากลมชมวิวอยู่บนสะพานนานมาก สภาพที่คนอื่นผ่านมาเห็นน่าจะคล้ายๆ กับพี่คนนี้นี่แหละ แต่สะพานมันทั้งสวยและลมก็เย็นมากสบายจริงๆ นะ
18
พักจนสาแก่ใจก็ได้เวลาเดินทางต่อบ่ายแก่แบบนี้แสงแดดจัดๆ บนท้องฟ้าสีฟ้าสดที่เคยทำให้ร้อน ก็เปลี่ยนมาเป็นลำแสงส่องลอดเมฆขาวๆ มองแล้วสบายใจไปอีกแบบ
19
พักจนสาแก่ใจก็ได้เวลาเดินทางต่อบ่ายแก่แบบนี้แสงแดดจัดๆ บนท้องฟ้าสีฟ้าสดที่เคยทำให้ร้อน ก็เปลี่ยนมาเป็นลำแสงส่องลอดเมฆขาวๆ มองแล้วสบายใจไปอีกแบบ
20
วัด Guandu (อ่านว่ากวนตู้) เป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดในภาคเหนือของไต้หวันที่ตั้งตระหง่านอยู่บนเนินเขา ประดิษฐานเทพเจ้าแห่งท้องทะเลมาจู่ หรือเจ้าแม่ทับทิม ซึ่งคุ้มครองให้การเดินทางปลอดภัยสมกับที่ตั้งอยู่ติดชายฝั่ง ตกแต่งสวยงามด้วยการแกะสลักอย่างละเอียดละออ โดยถ้าได้มีเวลาขึ้นไป ด้านบนของวัดยังสามารถมองเห็นวิวสวยๆ ของแม่น้ำ Tamsui ที่เราขับผ่านมาจากมุมสูง และชมวิวพระอาทิตย์ทั้งขึ้นและตกได้ด้วย
แต่วันนี้เราตั้งใจอยากใช้เวลาส่วนใหญ่ของวันอยู่บนหลังจักรยาน วัด Guandu จึงต้องรอไปก่อน (แต่ถ้าใครอยากมาขี่จักรยานที่ Tamsui Golden Shore Bike Path โดยเริ่มต้นจากที่นี่ (MRT Guandu) เราแนะนำว่าแวะขึ้นมาขอพรแล้วชมวิวข้างบนนี้ก่อนเริ่มออกเดินทาง น่าจะเป็นเส้นทางที่เหนื่อยกำลังดีและดีงามมากๆ เลย)
22
เลยจากวัด Guandu มาไม่ไกล ก็ถึงสวนสาธารณะและท่าเรือ Guandu กันแล้ว นอกจากที่นี่จะเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของคนแถวนี้ จนเพื่อนร่วมทางของเรากลายเป็นคนทุกเพศทุกวัย ที่นี่ยังเป็นท่าเรือที่ใช้เพื่อขึ้นเรือสำราญลำสวยที่มาพร้อมกิจกรรมมากมายบนเรืออย่าง Great River Queen เพื่อชมวิวแม่น้ำ Tamsui จากอีกหนึ่งมุมมอง
23
ลำนี้แหละคือ Great River Queen
24
ออกจากสวนสาธารณะ Guandu เราก็เริ่มเข้าสู่เส้นทางเลียบป่าชายเลนกันอย่างจริงจังแล้ว เส้นทางแถวนี้จะร่มรื่นมากเป็นพิเศษเพราะเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ทั้งสองข้างทาง แถมยังตัดผ่านอีกหลายสวนสาธารณะริมแม่น้ำอีกด้วย
25
น้องๆ นอนกันเป็นแก๊ง
26
ลำธารเล็กพาน้ำจากป่าชายเลนไหลลงสู่แม่น้ำ tamsui
27
ขอบอกลากันไปด้วยแสงอาทิตย์ที่ส่องสะท้อนชายฝั่งและผิวน้ำระยิบระยับของแม่น้ำ Tamsui เพราะขับต่อไปอีกไม่ไกลก็ใกล้จะถึงสวนสาธารณะ tamsui ซึ่งเป็นจุดมุ่งหมายของเราในครั้งนี้แล้ว จริงๆ ถ้ายังมีแรงเหลือและมีเวลา ยังสามารถขี่จักรยานขับเลียบแม่น้ำต่อไปจนถึงแลนด์มาร์คของ tamsui อย่าง Tamsui Lover’s Bridge สะพานเดินเท้าที่ตั้งอยู่ริมปากแม่น้ำ tamsui ซึ่งเชื่อมต่อกับทะเลได้
โดยด้านในจะคึกคักไปด้วยทั้งร้านค้า ร้านอาหาร ตลาดกลางคืน พร้อมทั้งผู้คนที่เดินทางมาพักผ่อนยามค่ำคืนริมปากอ่าว (แต่สำหรับเราคงต้องเก็บเอาไว้คราวหน้าด้วยระยะเวลาที่ไม่ลงตัว ก็เลยจำใจจูงจักรยานเข้าเมืองไปคืนที่สถานีแบบคนที่จำเป็นต้องมุ้ปอรแทน)
28
จากคนที่คุ้นเคยกับการขี่จักรยานมากสุดแค่การขี่เล่นกับเพื่อนในหมู่บ้านสมัยเด็กๆ สู่การขี่จักรยานข้ามเมืองคนเดียวในระยะทาง 20 กิโลเมตร เป็นอะไรที่เราแทบไม่เชื่อตัวเองจริงๆ ว่าจะเกิดขึ้นได้
แต่ไม่ว่าจะเป็นเพราะวิธีการยืมคืนจักรยานแสนง่าย เส้นทางปั่นสบาย อากาศดีๆ วัดสวยๆ ชุมชนน่ารัก แม่น้ำสะอาดๆ ป่าชายเลนที่เขียวชอุ่ม หรือผู้คนบนท้องถนนที่มองเห็นจักรยานเป็นหนึ่งในผู้ร่วมใช้เส้นทางอย่างเท่าเทียม การเดินทางบนหลังจักรยานในไทเปครั้งนี้ก็ทำให้เราได้รู้จักเมืองในมุมมองใหม่ และรู้ว่าระบบ Bike Sharing ดีๆ สามารถเชื่อมเมืองที่ห่างไกลให้ใกล้กันได้อย่างง่ายดาย ไร้มลพิษ แถมยังกระตุ้นให้คนขี้เกียจออกกำลังกายที่สุดในโลกอย่างเราสามารถปั่นจักรยานยาวๆ ได้ถึงตลอด 4-5 ชั่วโมง
จนอดอิจฉาคนไทเปและแอบหวังลึกๆ ไม่ได้ ให้วันหนึ่งกรุงเทพสามารถมีเส้นทางจักรยานดีๆ ที่สะดวกปลอดภัย และสามารถอยู่ร่วมกับชุมชนและพื้นที่สีเขียวได้อย่างกลมกลืน อยู่ใกล้ตัวแบบนี้บ้าง
Contributors
กันยณัฏฐ์ พรจันทร์ทอง
Writerนักเขียน, นักเดินทาง, เด็กหญิงผู้เติบโตในเมืองเก่า ที่มีความสุขทุกครั้งที่ได้จัดกระเป๋าออกไปรู้จักโลก ปัจจุบันกำลัง In a Relationship with ศิลปะ หนัง พิพิธภัณฑ์ เสื้อผ้ามือสองและการเดินเรื่อยเปื่อย
กันยณัฏฐ์ พรจันทร์ทอง
Photographerนักเขียน, นักเดินทาง, เด็กหญิงผู้เติบโตในเมืองเก่า ที่มีความสุขทุกครั้งที่ได้จัดกระเป๋าออกไปรู้จักโลก ปัจจุบันกำลัง In a Relationship with ศิลปะ หนัง พิพิธภัณฑ์ เสื้อผ้ามือสองและการเดินเรื่อยเปื่อย