“เสียงแบบนี้คงเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าพวกเขาไม่ได้เกิดและเติบโตมาท่ามกลาง คลื่นน้ำ ลมทะเล ความเหน็บหนาว หมู่ภูเขาและหินภูเขาไฟ”
คือสิ่งที่เรารู้สึกทันทีที่ได้ฟังเสียงน้ำไหลอย่างเงียบงันและเสียงร้องที่สะท้อนก้องคล้ายถูกบันทึกในถ้ำน้ำแข็งริมหน้าผาซึ่งเปลี่ยนให้อุณหภูมิ 30 องศาของประเทศไทยติดลบได้เพียงแค่หลับตาใส่หูฟัง ในเพลง ‘Thousand Eyes’ จากอัลบัม Beneath the Skin (2015) ของ Of Monster and Men วงโฟล์กร็อกจากไอซ์แลนด์
แต่หลังจากได้ทำความรู้จักกับเพลงของพวกเขาและเธออย่างจริงจัง เราก็พบว่าไม่ใช่แค่เพลงนี้เท่านั้นที่หอบความเหน็บหนาวจากแดนไกลผ่านตัวโน้ตมาส่งถึงที่ แต่ภายใต้เสียงร้องเปี่ยมอารมณ์ของ Nanna และ Ragnar พร้อมพาร์ทดนตรีและเสียงคอรัสสุดทรงพลัง ยังซ่อนเรื่องราวลึกลับจากตำนานเมืองและทิวทัศน์อันสลับซับซ้อนของภูมิประเทศไอซ์แลนด์เอาไว้ในทุกๆ จังหวะ
ก่อนจะไปรับชมการแสดงสดที่จะจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย วันที่ 12 มกราคม พ.ศ.2563 ณ Moonstar Studio เราอยากชวนทุกคนมาเตรียมความพร้อมในการ ‘ฟังไอซ์แลนด์’ ผ่านเพลงของพวกเขาและเธอกันอีกครั้ง
1 ฟังเมือง
Of Monster and Men เป็นวงอินดี้โฟล์กร็อกจากเมืองเรคยาวิก ประเทศไอซ์แลนด์ ที่เปิดตัวในปี ค.ศ.2010 โดยหยิบเอาคติชนและตำนานพื้นบ้านของไอซ์แลนด์มาถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตและจิตวิญญาณของผู้คนอย่างทรงพลังและละเมียดละไมผ่านเสียงเพลงจนเข้าไปนั่งในใจของคนฟังได้อย่างไม่ยากเย็น
“เพลงของเราถูกแกะสลักด้วยบรรยากาศรอบตัว”
“ธรรมชาติรับบทเป็นนักแสดงนำ”
คือสิ่งที่ Nanna และ Ragnar กล่าวเมื่อถูกถามถึงความสัมพันธ์ของ Of Monster and Men กับทิวทัศน์ทางธรรมชาติสุดดราม่าติกของไอซ์แลนด์ ซึ่งทำให้เราพบว่าการเกิดและเติบโตในเมืองเรคยาวิคแห่งนี้เป็นสิ่งที่สำคัญมากในการทำเพลงของพวกเขา เพราะถึงแม้ว่าทางวงจะไม่ได้จำกัดให้เนื้อหาของเพลงจำเป็นต้องเกี่ยวข้องกับธรรมชาติและทัศนียภาพของไอซ์แลนด์เท่านั้น แต่อิทธิพลจากความเชื่อและบรรยากาศที่สั่งสมอยู่ในตัวพวกเขามาตั้งแต่เด็กก็มักจะกระโดดแวบเข้ามาในหัวเสมอเมื่อตามหาแรงบันดาลใจในการทำเพลง เพลงเกือบทั้งหมดจากทั้งสามสตูดิโออัลบั้มและ EP ต่างๆ ของ Of Monster and Men จึงมักจะบันทึกความเป็นไอซ์แลนด์ในหลากหลายมิติเอาไว้ในนั้นโดยไม่ได้ตั้งใจ ไม่ว่าจะด้วยเสียงร้อง ดนตรี เนื้อเพลง หรือมิวสิควิดิโอ
2 เล่าขานตำนานเมือง
นิทานพื้นบ้านและตำนานเมืองเป็นสิ่งที่ยังคงมีความสำคัญมากในไอซ์แลนด์ตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน จนมีเรื่องราวสนุกๆ ที่เกิดจากความเชื่อโบราณโผล่มาให้เห็นอยู่เสมอ หนึ่งในนั้นคือเรื่องราวของการสร้างถนนเพื่อเตรียมการประชุมสุดยอดทางประวัติศาสตร์ของมิคาอิล กอร์บาชอฟ ในปี ค.ศ.1986
ในการประชุมครั้งนั้น ทางการไอซ์แลนด์สร้างถนนสายใหม่เพื่อเชื่อมต่อเมืองหลวงอย่าง ‘เรคยาวิก’ เข้ากับเมืองเล็กๆ ชื่อ ‘เคฟลาวิค’ ตลอดการสร้าง ถนนถูกตัดเป็นเส้นตรง ไม่มีการหักเลี้ยวเลยแม้แต่ครั้งเดียว ยกเว้นก็แต่ในจุดที่มีก้อนหินขนาดใหญ่วางขวางทางอยู่ โดยเหตุผลที่ทำให้วิศวกรตัดสินใจตัดถนนหลบเลี่ยงหินก้อนนั้นก็ไม่ใช่อะไรมากไปกว่าการที่ชาวบ้านเล่าให้เขาฟังว่า “หินก้อนนี้ถูกพิกซี่นำมาวางเอาไว้” !?
3
เช่นเดียวกัน เมื่อเพลงของ Of Monsters and Men ประกอบรวมจากสิ่งละอันพันละน้อยในไอซ์แลนด์ แรงบันดาลใจจากนิทานพื้นบ้านจึงเป็นหนึ่งในองค์ประกอบที่โดดเด่นที่สุดในเพลงของพวกเขาเช่นกัน
“เราแต่งเพลงด้วยกัน และเราพบว่าการเล่านิทานให้กันและกันฟังทำให้เราเชื่อมโยงกันได้ดีกว่าการบอกเล่าเรื่องราวในชีวิตจริง ผมไม่สามารถบอกว่า ‘เฮ้ย แนนน่า เรามาเขียนเพลงรักเกี่ยวกับแฟนสาวของฉันกัน’ ได้ เพราะมันไม่เคยเวิร์กเลย” – Regner
อาจเป็นเพราะทุกคนเกิดและเติบโตกับตำนานและความเชื่อแบบเดียวกัน นิทานพื้นบ้านที่เกี่ยวข้องกับสัตว์ป่า เอลฟ์ โทรลล์ สัตว์ประหลาด ผี และเรื่องราวแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นในป่า จึงเป็นสิ่งที่สมาชิกคุ้นเคยและเข้าใจกันได้โดยไม่ต้องนัดหมาย ยิ่งกว่าเรื่องราวในชีวิตจริงอย่างความรักหรือการเดทที่แตกต่างกันออกไปตามประสบการณ์ส่วนตัวของแต่ละคน ตำนานเมืองเหล่านี้จึงกลายมาเป็นส่วนสำคัญของเนื้อหาในบทเพลงที่พวกเรารักในที่สุด ไม่ว่าจะเป็น
“Howling ghosts they reappear,
in mountains that are stacked with fear”
– King and Lionheart
“All the monsters in my head,
and I move slow and steady,
but I feel like a waterfall”
– Slow and Steady
“Somewhere deep in the dark,
howling beast hears us talk,
I dare you to close your eyes
The earth is shaking and I see a light”
– Yellow Light
4 คลื่นน้ำและมหาสมุทร
นอกจากทิวเขาและสัตว์ประหลาดหิมะแล้ว ไอซ์แลนด์ยังเป็นเกาะที่ถูกโอบล้อมด้วยมหาสมุทรแอตแลนติก อีกสิ่งหนึ่งที่มักจะปรากฏตัวบ่อยๆ ในบทเพลงของ Of Monsters and Men จึงเป็นท้องทะเล คลื่นน้ำ การจม และเรือเดินสมุทร เช่นในมิวสิควิดิโอเพลง Love Love Love ที่ปรากฏสัตว์ประหลาดรูปร่างคล้ายมิโนทอร์ซึ่งนั่งอยู่บนเรือและจดจ้องลงไปยังสัตว์ประหลาดใต้มหาสมุทร ที่ภายหลังทางวงเปิดเผยว่าเป็นหนอนตัวใหญ่ที่อาศัยอยู่ในทะเลสาปตามตำนานไอซ์แลนด์ที่มีความใกล้เคียงกับสัตว์ประหลาดล็อคเนสซึ่งทุกคนคุ้นรู้จักกันดี
5
การเปรียบเทียบชีวิตกับการเดินเรือและชายฝั่งในเพลง Little Talk
“Cause though the truth may vary
This ship will carry our bodies safe to shore”
– Little Talk
6
หรือการบอกเล่าเรื่องราวการเดินทางบนหลังของปลาวาฬที่มีบ้านอยู่บนหลังในเพลง From Finner
“We came here on his back
And we caught your eye
The salty ocean wind
Made the seagulls cry
The rocking of his house
Had me holding on
But I knew that I was safe
From there on out”
– From Dinner
ภาพโดย Pexels, Laurette Chapuis, StockSnap, sparkyscuba จาก Pixabay
Info
Of Monsters and Men Live In Bangkok
ตามมา ‘ฟัง’ ทิวทัศน์ ภูมิประเทศ และตำนานพื้นบ้านไอซ์แลนด์แบบสดๆ ด้วยกัน
Contributors
กันยณัฏฐ์ พรจันทร์ทอง
Writerนักเขียน, นักเดินทาง, เด็กหญิงผู้เติบโตในเมืองเก่า ที่มีความสุขทุกครั้งที่ได้จัดกระเป๋าออกไปรู้จักโลก ปัจจุบันกำลัง In a Relationship with ศิลปะ หนัง พิพิธภัณฑ์ เสื้อผ้ามือสองและการเดินเรื่อยเปื่อย