เนื้อย่างเตาถ่านที่เปลี่ยนหลังตุ๊กตุ๊กให้เป็นครัวอีสาน เสิร์ฟอาหารจานเด็ดพร้อมวิวหลักล้านของอารามวัดโพธิ์
อะไรคือสิ่งที่ทำให้คุณตัดสินใจเลือกแวะเข้าร้านอาหารริมทางสักร้าน
ราคา? ป้ายโฆษณา? รสชาติ? ทำเลที่ตั้ง? เจ้าของร้าน? ความคุ้นเคยและไว้ใจ?
ไม่รู้เหมือนกันว่าสำหรับคุณคืออะไร แต่วันนี้เราถูกดึงดูดให้เข้าใกล้ร้านอาหารอีสานริมทางเล็กๆ ร้านนี้ด้วย ‘รถตุ๊กตุ๊ก’ !!
“ช่วงนี้ท่าเตียนมันไม่มีแขกต่างชาติ ไม่รู้จะจอดเอาไว้เฉยๆ ทำไม เอามาใช้เป็นกิมมิคในการดึงคนดีกว่า”
เป็นคำตอบที่ ‘พี่เอ๋’ ตอบเมื่อเราถามว่า เป็นไงมาไงรถตุ๊กตุ๊กถึงมาจอดเทียบท่ากลายเป็นห้องครัวเฉพาะกิจอยู่ตรงนี้ได้ ปรากฏว่าถึงแม้จะขายอยู่ตรงนี้มานานแต่ ‘เนื้อย่างท่าเตียน’ นั้นเพิ่งเปลี่ยนจากการเป็นร้านรถเข็นธรรมดาๆ ให้กลายเป็นห้องครัวพกพาในช่วงโควิดนี้เองจากสถานการณ์ที่ทำให้อาชีพหลักของพี่เอ๋อย่างการขับรถสามล้อต้องหยุดลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ถึงแม้ว่าความประทับใจแรกของเรากับร้านจะเป็นความน่าตื่นตาตื่นใจ แต่บอกเลยว่าพอได้ลองกินแล้ว รสชาติอาหารของร้านนี้ก็จัดจ้านโดดเด่นไม่แพ้ตุ๊กตุ๊กซักนิด เพราะเป็นอาหารอีสานสูตรพิเศษที่พี่เอ๋คิดขึ้นเองอย่างใส่ใจในทุกรายละเอียด ไม่ว่าจะเป็น ‘เนื้อย่าง’ จานเด็ดที่พี่เอ๋ตั้งใจคัดสรรเนื้อชาโลเล่ส์อย่างดีมาจากฟาร์มที่ราชบุรี ที่ย่างด้วยเตาถ่านจนหอมกรุ่นแบบมีเดียมแรร์ การันตีความอร่อยด้วยประสบการณ์การทำงานย่างเนื้อในโรงแรมโอเรียนเต็ลของพี่เอ๋! ไปจนถึง ส้มตำ น้ำตก ไส้ย่าง หมูย่าง จิ้มจุ่ม ที่รับรองความแซ่บพวกเราเองที่ไปชิมมาแล้วอยากจะกลับไปซ้ำอีกซักหลายๆ รอบ!
ใครอยากจะไปลองชิมอาหารอีสานวิววัดโพธิ์ สามารถสังเกตรถตุ๊กตุ๊กที่ไม่ได้จอดส่งผู้โดยสาร แต่จอดเสิร์ฟความอร่อยอยู่ริมถนนมหาราช ใกล้กับท่าเรือท่าเตียน ตรงข้ามวัดโพธิ์ เปิดทุกวัน เวลาประมาณ 6 โมงเย็น – 5 ทุ่ม ไปอุดหนุนพี่เอ๋และครอบครัวกัน!
จานที่ 1 : จานปรับปรุงใหม่
ถึงแม้ว่าเราจะเพิ่งได้มาเจอกัน แต่พี่เอ๋เล่าว่า ‘เนื้อย่างท่าเตียน’ เป็นร้านเนื้อย่างและอาหารอีสานเริ่มเปิดกิจการความอร่อยให้คนท่าเตียนอยู่ตรงนี้มานานกว่า 20 ปีแล้ว แต่ถ้าเป็นการขายบ้าง หยุดบ้าง เป็นช่วงๆ ตามแต่ความสะดวกและอาชีพที่หาได้ในแต่ละเวลาจะอำนวย โดยเมื่อก่อนเริ่มต้นจากการขายแบบรถเข็นปกติทั่วไป และมี ‘พี่ตู่’ แฟนของพี่เอ๋ดูแลร้านร่วมกับลูกน้องได้จ้างเอาไว้
ส่วนพี่เอ๋ก็ออกไปทำอาชีพอื่นๆ เพื่อหารายได้ให้กับครอบครัวอีกทาง ไม่ว่าจะเป็นคนย่างเนื้อในโรงแรมโอเรียนเต็ล, คนขับลีมูซีนตามโรงแรมต่างๆ เพื่อพาแขกฝรั่งเที่ยว และสุดท้ายก็คือการซื้อรถตุ๊กตุ๊กมาขับรับแขกแถวท่าเตียน ทุกอาชีพที่ผ่านมาจึงเหมือนเป็นการผจญภัยที่ช่วยเติมประสบการณ์ ทักษะ และแรงบันดาลใจใหม่ๆ ที่ให้กับพี่เอ๋
เรื่องราวดำเนินไปแบบนี้จนกระทั่งสถานการณ์โควิดทำให้ทั้งร้านอาหารอีสานบนรถเข็นเล็กๆ ริมถนน และ รถตุ๊กตุ๊กที่จอดประจำอยู่แถวท่าเตียนซึ่งปกติจะต้อนรับขับสู้ลูกค้าชาวต่างชาติมาตลอดต้องหยุดชะงักไปพร้อมๆ กัน จนพี่เอ๋และครอบครัวตัดสินใจย้ายกลับไปตั้งหลักที่บ้านต่างจังหวัดนานถึง 8 เดือน ก่อนจะกลับมาเปิดร้านอีกครั้งในวันนี้ พร้อมกับไอเดียและแรงบันดาลใจใหม่ๆ ที่ตัดสินใจเปลี่ยนรถตุ๊กตุ๊กคันคู่ใจโมดิฟายเพื่อใช้ขายอาหารแทนรถเข็นคันเดิม เพื่อหวังว่าจะสร้างเอกลักษณ์และความแปลกใจให้ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาย่านท่าเตียนให้ได้ลองแวะเวียนกันเข้ามาชิมรสชาติเนื้อย่างเตาถ่านและอาหารอีสานหลากหลายที่ใส่ใจทำมาตลอด
เรียกได้ว่าเป็นการปรับตัวของธุรกิจเล็กๆ ที่ใครเห็นเป็นต้องว้าวให้กับไอเดียจุดขายที่ไม่เหมือนใคร ช่วยดึงให้ลูกค้ากลับมาอย่างคึกคักอีกครั้ง และรถตุ๊กตุ๊กที่ใช้แทนห้องครัวเคลื่อนที่คันนี้ก็ช่างเข้ากันกับวิววัดโพธิ์ตรงข้ามเสียเหลือเกิน
จานที่ 2 : จานเด็ด
ถ้ามาร้าน ‘เนื้อย่างท่าเตียน’ แน่นอนว่าเมนูเด็ดที่พลาดไม่ได้ก็คือ ‘เนื้อย่างมีเดียมแรร์’ จานใหญ่ที่เสิร์ฟมาบนกะทะร้อน ที่บอกเลยว่าพิถีพิถันตั้งแต่การเฟ้นหาฟาร์มเนื้อที่จะนำมาใช้ โดยทางร้านสั่งเนื้อวัวชาโลเลส์มาจากฟาร์มที่ราชบุรี โดยซึ่งกว่าที่จะได้ฟาร์มนี้มา พี่เอ๋เล่าว่าต้องลองสั่งมาทดลองย่างจากหลากหลายฟาร์ม เพื่อตามหาเนื้อที่ใช่ ฟาร์มที่โดน
โดยเนื้อที่ได้มาต้องย่างด้วยเตาถ่านเท่านั้น เพื่อให้เนื้อทั้งหอมทั้งนุ่มเป็นพิเศษ แต่เพราะเป็นเตาถ่าน การย่างเนื้อครั้งนี้จึงไม่เหมือนสมัยทำงานในโรงแรม เพราะที่นี่ไม่มีเทคโนโลยีไฟบน ไฟล่าง หรือการจับเวลา มีแต่ประสบการณ์ล้วนๆ ที่จะบอกได้ว่า ระยะเวลา น้ำที่ออกมาจากเนื้อ กลิ่นหอม และรูปร่างหน้าตา แบบไหนถึงจะได้ออกมาเป็นเนื้อที่สมบูรณ์แบบ
จานที่ 3 : จานมิตรภาพ
อย่างที่บอกว่าก่อนจะมาประจำที่ร้านอาหารแบบนี้ พี่เอ๋ตระเวนเก็บประสบการณ์หลากหลายมาจากอาชีพต่างๆ ที่เคยทำมาตลอดชีวิต เพราะระหว่างที่ทำงานเป็น ‘คนขับรถลิมูซีน’ เพื่อพาแขกฝรั่งไปกินไปเที่ยวในที่ต่างๆ พี่เอ๋ก็พกพาเอาความชอบส่วนตัวอย่าง ‘การทำอาหาร’ ติดตัวไปด้วยเสมอ ร้านอาหารโด่งดังในเมืองตั้งแต่ Streetfood ไปจนถึงร้านหรู พี่เอ๋จึงได้ทดลองชิมมาหมดแล้ว
พี่เอ๋บอกว่าอาชีพคนขับรถลิมูซีน ไม่ใช่แค่การเป็นคนขับรถ แต่คือการเป็น ‘เพื่อน’ ของเหล่าแขกที่มาท่องเที่ยวในประเทศไทย เป็นอาชีพที่ต้องพาเพื่อนเที่ยว ดังนั้นเมื่อเพื่อนๆ กลับประเทศไป พี่เอ๋จึงมีเพื่อนเหล่านี้อยู่มากมายทุกมุมโลก และหลักฐานหนึ่งที่เห็นได้ชัดสุดๆ ก็คือเพลย์ลิสประกอบการกินอาหารอีสาน ท่ามกลางบรรยากาศวัดวาอารามและเมืองเก่าแล้ว ที่บรรเลงเป็นทำนองเพลงแจ๊ส โซล คลาสสิค ฯลฯ ที่พี่เอ๋เล่าให้เราฟังว่า มีที่มาจากการที่ ‘เพื่อน’ เจ้าของโรงงานทำเส้นสปาเก็ตตี้ชาวอิตาลีที่ยังคงติดต่อกับพี่เอ๋อยู่ในทุกวันนี้เป็นคนเพลย์ลิสมาให้ฟังจนติดใจ จึงได้นำเพลย์ลิสนั้นมาเปิดให้ลูกค้าฟังกันแบบนี้
จานที่ 4 : น้ำตกหมู
เมนูต่อมาที่อยากแนะนำ คือ ‘น้ำตกหมู’ เพราะเป็นเมนูพิเศษที่ไม่เหมือนที่ไหนแต่เป็นสูตรที่ผสมผสานสไตล์ไทย จีน อีสาน เข้าไว้ด้วยกัน ด้วยเนื้อหมูหอมนุ่ม ไม่เปรี้ยวจี๊ดหรือรสจัดจนเกินไป รสชาติกลมกล่อมกำลังดี ปรุงรสด้วยพริกจินดาคั่วกับข้าวคั่วของทางร้านที่คั่วเองทุกขั้นตอนใหม่ๆ ทุกวัน ใช้ไฟเบาๆ เพื่อให้มันขาว หอมพอดี ไม่ขมจนเกินไป รวมถึงมะนาวที่เลือกใช้ก็เป็นมะนาวแท้ๆก็คั้นเองสดใหม่วันต่อวันเหมือนกัน
จานที่ 5 : จิ้มจุ่ม
ชุดอาหารอีสานแบบหม้อต้มที่หากินได้แทบทุกที่ แต่มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นไม่เหมือนใครเพราะชุดผักสดใหม่ที่เลือกสรรมาเป็นอย่างดี ที่มาพร้อมกับเนื้อหมูที่หมักด้วยกรรมวิธีพิเศษจนเนื้อนุ่มมมมมม ไม่แข็งกระด้าง ยิ่งซดคู่กับน้ำซุปร้อนๆ รสหวานหอมยิ่งเข้ากันแบบสุดๆ
จานที่ 6 : ไส้ย่าง
ไส้ย่างหอมอร่อย ที่ผ่านกรรมวิธีอย่างพิถีพิถันกว่าจะมาเสิร์ฟถึงโต๊ะ ตั้งแต่การเลือกไส้ ที่ต้องเลือกและเช็คดูให้ดีว่าเป็นไส้ขมหรือไส้หวาน พร้อมทั้งเลือกไส้ที่มีลักษณะบาง เพื่อให้ได้ไส้เหมาะจะนำมาย่างมากที่สุด จะได้เคี้ยวง่าย ก่อนจะนำมาล้าง หมัก ย่าง ทอด รวมกันทั้ง 4 ขั้นตอนกว่าจะได้กิน!
จานที่ 7 : หมูย่าง
หมูย่างของที่ร้านไม่ใช่คอหมูย่าง แต่จะเลือกใช้เนื้อสันคอเท่านั้น เพื่อให้เนื้อนุ่มกำลังดีและไม่ติดมันจนเกินไป เอามากริลล์ช้าๆ บนเตาถ่านจนค่อยๆ สุกหอมทั่วถึงกันทั้งชิ้น
จานที่ 8 : จานข้าว(เหนียว)
พี่เอ๋บอกว่าข้าวเหนียวของที่ร้านไม่ใช่ว่าจะหาซื้อกันได้ง่ายๆ แต่ต้องเป็นข้าวเหนียวจากร้อยเอ็ดเท่านั้น เพราะมีเนื้อเหนียวนุ่ม หุงมาแล้วสุกกำลังดี และยังปลอดสารเคมี โดยเวลาสั่งจะสั่งทีละ 10 – 20 กิโลกรัม ใส่รถตู้ให้มาส่งถึงกรุงเทพ
จานสุดท้าย : จานแห่งอนาคต
‘เนื้อย่างท่าเตียน’ เป็นร้านอาหารอีสานที่คนทั้งบ้านมาช่วยกันขาย โดยนอกจากภรรยาพี่เอ๋ที่เป็นแม่ครัวคู่ใจแล้ว ยังมีคุณแม่ที่ปกติแล้วทำอาชีพรับทำความสะอาดและ น้องริต้า ลูกสาวคนเก่งของพี่เอ๋ ที่จะแวะเข้ามาช่วยเสิร์ฟช่วยล้างที่ร้านในช่วงเย็นเสมอๆ เหมือนเป็นจุดนัดหมายของครอบครัวในทุกๆ วัน แน่นอนว่าในช่วงเวลาที่มีสถานการณ์โควิดแบบนี้อาจจะเหนื่อยหน่อย แต่การมีครอบครัวอยู่เคียงข้างกันแบบนี้ย่อมดีกว่าเป็นไหนๆ อย่างน้อยก็ยังมีคนคอยเติมพลังใจ และเติมไอเดียใหม่ๆ ในการปรับตัวอย่างไม่รู้จบ
พี่เอ๋บอกเราว่า ตอนนี้ก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าไอเดียใหม่นี้จะดึงคนให้กลับมาคึกคักได้มากเหมือนเมื่อก่อนไหม แต่ก็แสนภูมิใจที่ได้ทดลอง พร้อมทั้งบอกทิ้งท้ายเอาไว้ว่า ถ้ามันเวิร์กละก็ พี่เอ๋จะรวบรวมเงินไปซื้อโครงรถตุ๊กตุ๊กคันใหม่มาใช้ หลังโควิดจากไปจะได้เอารถคันนี้ที่เคยโมดิฟายเครื่องยนต์ให้แข็งแรงและปลอดภัยเหมาะสำหรับการขับขี่เอาไว้ไปขับรับส่งผู้โดยสารได้เหมือนเคย
ใครอยากลองชิมอาหารอีสานวิววัดโพธิ์ สามารถสังเกตรถตุ๊กตุ๊กที่ไม่ได้จอดส่งผู้โดยสาร แต่จอดเสิร์ฟความอร่อยอยู่ริมถนนมหาราช ใกล้กับท่าเรือท่าเตียน ตรงข้ามวัดโพธิ์ แบบได้เลย
เปิดทุกวัน เวลาประมาณ 6 โมงเย็น – 5 ทุ่ม ไปอุดหนุนพี่เอ๋และครอบครัวกัน!
Contributors
กันยณัฏฐ์ พรจันทร์ทอง
Writerนักเขียน, นักเดินทาง, เด็กหญิงผู้เติบโตในเมืองเก่า ที่มีความสุขทุกครั้งที่ได้จัดกระเป๋าออกไปรู้จักโลก ปัจจุบันกำลัง In a Relationship with ศิลปะ หนัง พิพิธภัณฑ์ เสื้อผ้ามือสองและการเดินเรื่อยเปื่อย
