เมื่อวันคริสต์มาสใกล้เข้ามา เสียง “Ho Ho Ho!” ของคุณลุงซานต้าใจดีที่มาพร้อมเลื่อนวิเศษซึ่งบรรจุของเล่นเต็มถุงย่อมตามมาด้วยเสมอ แต่เมื่อความฝันของเด็กๆ เติบโตจนความต้องการ “ใช้บริการซานต้า” เพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย สิ่งที่ตามมาในประเทศตะวันตกที่มีการฉลองเทศกาลคริสต์มาสกันอย่างจริงจังก็คือ “อาชีพซานตาคลอส” อาชีพที่สร้างรายได้ให้กับคุณลุง พุงโต หน้าตาใจดีในช่วงเทศกาล
แต่การจะเป็นซานต้าได้ เพียงแค่ใส่ชุดเครื่องแบบสีแดง ติดหนวดปลอม แล้วร้อง “Ho Ho Ho!” ได้อย่างไพเราะ จะเพียงพอจริงหรือไม่ วันนี้ Work Well จะพาทุกคนไปรู้จักกับ “อาชีพซานตาคลอส” สิ่งที่เรียกว่า “โรงเรียนซานต้า” ที่บ่มเพาะพวกเขาขึ้นมาสู่การเป็นนักแบ่งปันความสุขในวันคริสต์มาสไปด้วยกัน
ทำไมต้องมี “อาชีพซานต้า”
สำหรับชาวคริสต์ โดยเฉพาะเด็กๆ ซานตาคลอสถือเป็นสัญลักษณ์ของความสุขในช่วงเทศกาลคริสต์มาส ตามตำนานที่ทุกคนคุ้นเคยซึ่งบอกเล่าว่า หากเด็กคนไหนเป็นเด็กดี ในคืนวันคริสต์มาสอีฟซานตาคลอสก็จะนำของเล่น หรือขนมมามอบให้เป็นของขวัญ เมื่อซานตาคลอสกลายมาเป็นขวัญใจของเด็กๆ ในทุกๆ ปี ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้า ร้านค้า งานอีเว้นท์ หรือสวนสนุก ต่างก็ล้วนแต่อยากจัดหาคุณลุงซานต้าจำนวนมากมาส่งมอบของขวัญและความสุขให้แก่เด็กๆ เพื่อดึงดูดพ่อแม่ให้พาลูกค้าเด็กๆ มาเจอลุงซานต้า อันนำไปสู่การจับจ่ายใช้สอยที่ตามมาอย่างมากมายมหาศาล
โรงเรียนซานต้า
ถึงเป็นเด็ก ก็อย่าคิดว่าจะมาหลอกกันได้ง่ายๆ !
เพราะซานต้ามีหน้าที่อันแสนยิ่งใหญ่ในการปกป้องภาพลักษณ์ของซานตาคลอสในจิตนาการของเด็กๆ และถ่ายทอดมันให้กลายเป็นความจริง เพราะฉะนั้น ทั้งหน้าตา น้ำเสียง การสัมผัส เสียงหัวเราะ ความรู้สึกอบอุ่นที่ได้รับ และความสามารถในการเป็นนักฟังที่ยอดเยี่ยม เพื่อให้สามารถตอบโต้ในกรณีที่เด็กๆ บอกเล่าความลับ ความฝัน หรือเหตุการณ์สำคัญในชีวิตให้ฟัง ได้อย่างทันท่วงที
ดังนั้นเพื่อฝึกฝนคนธรรมด๊าธรรมดาให้กลายเป็นสุดยอดซานต้า “Santa University” หรือ “Santa School” จึงถือกำเนิดขึ้นมากมายในยุโรปและอเมริกา เพื่อสร้างซานต้ามือหนึ่งที่ถอดแบบออกมาจากจินตนาการของเด็กๆ ส่งตรงสู่ตลาด
Not North Pole But Noerr Pole
มหาวิทยาลัยฝึกสอนซานตาคลอสที่จริงจังเป็นอันดับต้นๆ ของโลกก็คือ The Santa University ซึ่งจัดโดย Noerr Programs Colorado มาตั้งแต่ปี 1981 หลักสูตรติวเข้มตลอด 4 วันในช่วงฤดูร้อนของทุกปี ที่ออกแบบขึ้นเพื่อพัฒนาทั้งภายนอกและภายในของนักเรียนกว่า 70 ชีวิตในคลาสให้กลายเป็นซานต้าที่สมบูรณ์แบบ โดยเนื้อหาที่สอนก็มีตั้งแต่ วิธีการโพสท่าถ่ายรูป, วิธีจัดการกับโซเชียลมีเดีย, การทำของเล่น, การฟอกสีหนวดเคราให้ขาวผ่องและจัดแต่งให้สวยงามอยู่เสมอ, การพูดคุยสื่อสารกับเด็กๆ ไปจนถึงวิธีการรับมือกับเด็กๆ ที่เรียกร้องขอของขวัญที่เป็นไปไม่ได้ และเมื่อเรียนจบหลักสูตร เหล่าซานต้าก็จะได้รับการบรรจุและส่งมอบงานให้ทำต่อไป
อย่างไรก็ตามการเป็นหนึ่งในนักเรียน 70 คนในชั้นเรียนซานต้าก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะผู้สมัครต้องผ่านการสอบสัมภาษณ์หลายรอบและตรวจสอบประวัติอย่างดีที่สุดเพื่อให้ได้ออกมาเป็นซานต้ามือหนึ่งที่สามารถรับมือได้ทุกสถานการณ์ ส่งไปประจำการที่ไหนก็ไม่เสียชื่อมหาวิทยาลัย โดยปัจจุบัน Noerr Pole เอ้ย Noerr Programs มีซานต้าที่พร้อมส่งไปประจำการตามที่ต่างๆ อยู่ในมือมากถึง 350 คนเลยทีเดียว
School 4 Santas
นอกจากในรูปแบบมหาวิทยาลัยแล้ว สถานที่ฝึกสอนซานต้าในรูปแบบของโรงเรียนก็มีเช่นกัน และหนึ่งในนั้นคือ School 4 Santas ค่ายเวทมนตร์ที่เปิดสอนวิชาการเป็นซานต้า โดยคุณลุง Tim Connoghan ซานต้าเซเลบริตี้ชื่อดัง ที่จะมาสอนวิชาซานต้าคลอสตั้งแต่พื้นฐาน ไม่ว่าจะเป็น วิธีการหัวเราะ Ho Ho Ho อย่างถูกต้อง, การเดินอย่างเบาหวิว, วิธีตอบคำถามเด็กๆ ไปจนถึงการทำตลาดสำหรับซานต้า พร้อมออกประกาศนียบัตรรับรองการจบหลักสูตรเพื่อให้ซานต้าฝึกหัดที่จบออกมาสามารถทำมาหากินได้อย่างครบวงจรอีกด้วย โดยราคาสำหรับเทรนนิ่งคอร์สมาตรฐาน 2 วัน จะอยู่ที่ 299 ดอลลาร์ หรือ 9,000 บาทต่อคน โดยผู้สมัครจะได้รับการเทรน 16 ชั่วโมง หนังสือประกอบการเรียน และ ประกาศนียบัตรรับรองการจบหลักสูตร
ความลำบากของนักส่งความสุข
อาชีพซานต้าใช่ว่าจะมีแต่เรื่องสนุกเสมอไป เพราะภายใต้หนวดเคราสีขาวเหมือนหิมะยังมีเรื่องน่าหนักใจหลายเรื่องตามมา เช่น
- การทำงานยาวนานต่อเนื่องตลอดทั้งวัน เพราะแน่นอนว่าไม่มีใครอยากเห็นซานต้า A เดินไปพักกินข้าวกลางวัน แล้วถูกเปลี่ยนตัวเป็นซานต้า B จนทำให้มนต์ขลังของวันคริสต์มาสเสื่อมลงอย่างแน่นอน นอกจากนี้เมื่ออยู่ในชุดสีแดงประจำตำแหน่งจะทำอะไรก็ต้องคิดให้ถี่ถ้วนก่อนเสมอเพื่อไม่ให้เผลอไปทำลายความฝันของเด็กๆ
- การรับฟังเรื่องราวส่วนตัวหรือความลับจากเด็กๆ ไม่ว่าจะเป็นความสุข ความเศร้า ความสูญเสีย การหย่าร้างของพ่อแม่ ในฐานะซานต้าซึ่งถือเป็นหนึ่งในไม่กี่บุคคลที่เด็กๆ ไว้ใจ การต้องคิดหาคำตอบที่จะทำให้เด็กๆ มีความสุขภายในเวลาสั้นๆ ได้ที่พบปะกันนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
- การรักษาร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ เพราะนอกจากการยกของขวัญหนักๆ และให้เด็กๆ ทุกคนที่ผ่านมานั่งตักจะเป็นงานของซานต้าแล้ว หลายครั้งพวกเขายังมีโอกาสที่จะได้พบปะและให้กำลังใจเด็กๆ ซึ่งกำลังป่วยหนักให้รู้สึกดีขึ้นอีกด้วย ซานต้าจึงต้องออกกำลังกายและตรวจสุขภาพเป็นประจำ รวมทั้งกินอาหารอย่างถูกวิธีเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายอีกด้วย
Santa Career Path
การประกอบอาชีพซานต้านั้นมีทั้งแบบที่อยู่ในระบบฟรีแลนซ์ เหมือนซานต้าที่จบออกมาจากโรงเรียน School 4 Santas และที่เป็นระบบเอเจนซี่ซึ่งได้รับการบรรจุหลังจบหลักสูตรเหมือน Noerr Programs ก่อนที่ทางโครงการจะเลือกส่งตัวซานต้าไปประจำการในที่ต่างๆ ของเมือง
โดยรายได้ของซานต้านั้นขึ้นอยู่กับ ประสบการณ์ ความสามารถ และชื่อเสียง ซานต้ามือใหม่อาจเริ่มต้นสายอาชีพจาก ซานต้าคลอสตามห้างและรับรายได้ ที่ประมาณ 15 – 20 ดอลลาร์ (450-600 บาท) ต่อชั่วโมง และเมื่อสะสมชั่วโมงบินรวมถึงชื่อเสียงมากขึ้นก็จะได้รับค่าจ้างเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังมีโอกาสได้ไปปรากฎกายในงานโฆษณาหรือรายการทีวีด้วยค่าจ้างที่สูงขึ้นอีกด้วย
ที่มา
- http://ideafusion.com/santa-university.html
- http://universityherald.com/articles/56771/20161223/santa-university-where-clauses-come.html
- https://www.monster.com/career-advice/article/mall-santa-job
- https://www.fastcompany.com/90433492/the-secret-life-of-the-santa-claus-gig-economy
- https://www.school4santas.com/
- https://imgur.com/gallery/8LjmwL3
Contributors
อรอารยา วรวราชัย
Writerบัณฑิตเศรษฐศาสตร์ที่ โก๊ะ เก๊ะ แก๊ะ ที่สุดในท่าพระจันทร์ ชอบของอร่อย ตกหลุมรักได้ง่าย และกำลังพยายามหาจุดบาลานซ์ระหว่าง ความมั่งมี กับ ความยั่งยืน // กรุงเทพตอนหลับใหลมีสามอย่าง เสาไฟ อากาศเย็น และคนไร้บ้าน และใช่ ชีวิตของเราต่างคู่ขนานไปกับพวกเขาตลอดมา
